ReadyPlanet.com


ก้าวที่ผิด บนทิศทางที่ถูก


การลงมือหรือพยายามทำอะไรสักอย่าง ย่อมมีครั้งที่เลือกผิด, ตัดสินใจผิด, เข้าใจผิด ทำให้ผลลัพธ์ไม่ตรงกับที่คาดคิด ถ้าเป็นเรื่องที่หวังผลในทันที เหมือนการสั่งอาหารในร้านที่ไม่เคยกินมาก่อน ผลลัพธ์มันก็แค่ไม่อร่อย ไม่ถูกใจ จบไป แต่ถ้ามันเป็นเรื่องอะไรที่หวังผลในระยะยาว หรือเป็นส่วนหนึ่งในภาพรวม เราย่อมอยากที่จะ “ก้าวหน้า” แต่เมื่อก้าวพลาด มันคือความรู้สึกเสียแผน, เสียหาย อย่างน้อยก็เสียเวลา ซึ่งถือได้ว่าเป็น “ก้าวที่ผิด”

ก้าวที่ผิด อาจส่งผลเสียมากน้อยไม่เท่ากัน ไม่มีใครอยากเดินผิดทาง แต่เชื่อหรือไม่ในคนที่ประสบความสำเร็จหลายคน ก้าวที่ผิดหลายครั้งนำมาซึ่งโอกาส ก้าวที่ผิดหลายครั้งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และก้าวที่ผิดส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับเขาเหล่านั้นตัวชี้วัดประการหนึ่ง คือให้ลองคิดว่า ถ้าเราเป็นคนที่ทำอะไรแต่ละครั้ง แล้วหวังใหญ่ทุกครั้ง ก้าวผิดหนึ่งครั้งมันย่อมเสียความรู้สึก หรือเสียหายรุนแรง แต่นัยหนึ่งมันกำลังหมายความว่า เราเป็นคนที่ทำอะไรหวังผลแค่ตรงหน้า ซึ่งความสำเร็จแท้จริงของเราส่วนใหญ่มันไม่ง่ายขนาดนั้น มันต้องใช้เวลาในการทำ หรืออาศัยเวลาในการสะสม ก้าวผิดครั้งเดียวย่อมไม่อาจทำลายเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้หางจิ้งจกขาดได้ มันไม่ตาย ไม่เรียกว่าพิการ บางสิ่งในชีวิตคนเราก็เช่นกัน เราขาดมันได้ ไม่ตาย แต่หากเมื่อใดที่เรายึดติดไม่ยอมปล่อยไป ก็คงคล้ายเมื่อถึงเวลาสำคัญ แล้วจิ้งจกนั้นไม่ยอมตัดหางตัวเอง… สล็อตpg

คงเคยเห็นกัน บางครั้งที่จิ้งจก หรือสัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่า มันไปไหนมาไหนโดยไม่มีหาง หลายคนทราบดีว่านี่มันอาจเพิ่งรอดตายมา เพราะสัตว์เหล่านี้มีความสามารถพิเศษในการเอาตัวรอดจากสัตว์นักล่าอื่น ๆ ด้วยการสลัดหางทิ้งไว้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

อันที่จริงแม้หางจะงอกได้ใหม่ แต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนเดิมเสียทีเดียว เพราะนอกจากต้องใช้เวลาแล้ว ยังมีผลต่อการเจริญเติบโต รวมถึงมีผลทางร่างกายบางอย่างที่แตกต่างกันไป แต่มันคงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับต้องเสียชีวิตไปเลย…

มนุษย์แม้ไม่มีหางที่งอกใหม่ได้ แต่กลับยึดติดหลายสิ่งยิ่งกว่าหางของจิ้งจกเสียอีก ทั้งที่อาจไม่ใช่ส่วนสำคัญของชีวิต อีกทั้งบางสิ่งที่ต้องเสียไปนั้น หากยังมีชีวิต เราอาจสร้างสิ่งนั้นได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ

และบนความพยายามที่ต้องใช้เวลา ความสำเร็จที่ไม่มีพิมพ์เขียววาดไว้ ความผิดพลาดย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ในคนที่สำเร็จมักมีวิสัยทัศน์ แนวทางหรือแผนการที่ชัดเจน ดังนั้นการก้าวผิดไปบ้าง ย่อมเป็นเพียงการสะดุดเพียงเล็กน้อย หรือต่อให้เลี้ยวผิดก็อาจกลายเป็นทางลัดให้เขาได้ในแบบที่เรา ๆ เรียกว่าโชคดี แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้คือภาวะที่ “รู้ตัว” ทั้งสิ้นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมัน “ถูกทาง” หรือไม่ มีแม้กระทั่งก้าวที่ผิด ที่เป็นเพียงการทดลองเพื่อหาก้าวที่ดีกว่าต่อไป

สำหรับคนที่เดินเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ กับชีวิต หรือแค่พยายามก้าวไปเรื่อย ๆ มันก็คล้ายคนที่แค่ก้าวไปได้ก็ดีใจแล้ว แต่วันหนึ่งใครจะรู้ว่าที่ก้าวมาเสียเวลาไปเท่าไร แม้ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่เข้าใกล้สิ่งที่มีความหมายอะไร พอรู้ตัวว่าก้าวผิดแล้วก็ทำได้แค่ตกใจ พะวง สงสัย และตื่นกลัว ท้อแท้ จริงอยู่ไม่มีใครรู้หรอกว่าก้าวข้างหน้าจะเจออะไร ดังนั้นที่สุดคือการทำอะไรแบบวัดผลได้ นั่นจึงคล้ายคนที่ก้าวไปแบบมีเข็มทิศ เพราะแม้จะเจอสิ่งผิดปกติแต่ก็มั่นใจได้ว่าไม่ผิดทิศทาง

นี่คงเป็นอีกบทความสั้น ๆ ที่ให้เห็นความสำคัญของการมีเป้าหมาย การทำอะไรอย่างเข้าใจในคุณค่า เพราะมีไม่กี่คนหรอกที่เดินได้บน ก้าวที่ผิด บนทิศทางที่ถูกถ้าบอกว่า “ชีวิตคู่ มันไม่ใช่แค่รักกัน” คนที่เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้างย่อมพยักหน้า หรือประโยคที่ว่า “พออยู่ด้วยกัน มันไม่เหมือนแค่ตอนเป็นแฟนกัน” อาจทำให้พอเข้าใจบางอย่างได้ดีขึ้น…

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดูมีประโยชน์หรือน่าสนใจอะไรกับผู้ที่ “เคยผ่านภาวะต้องเข้าใจ” มาแล้ว แต่คนที่ไม่เคยหรือย้อนนึกไปตอนที่เรายังไม่เจอเหตุการณ์ ประสบการณ์ หรือบทเรียนที่ทำให้เราเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ยากจะมองเห็นหรือรู้ตัวได้ในตอนนั้น…

หลายคู่แรกเริ่มคบกันต่างเคยมีเวลาให้กัน ได้คลุกคลีอยู่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างมีเวลา มีขั้น มีภาวะของมัน และบนคำว่า “ชีวิตคู่” นั้นก็สรุปยากว่ามันเริ่มตรงไหน ส่วน “ชีวิตรัก” นั้นมันต่างกันอย่างไร อยู่ด้วยกันไม่ต้องรักกันแล้วงั้นหรือ อะไรคือความต่าง?

ช่วงที่ดีที่สุดของการคบกัน

ผมจำเหตุการณ์หนึ่งได้ดี ที่เป็นครั้งแรกทำให้ฉุกคิดมุมนี้ ตอนนั้นเป็นสมัยเรียนมัธยม จำไม่ได้ว่าบทสนทนานี้เริ่มจากตรงไหน แต่มีเพื่อนคนหนึ่งถามครูคณิตศาสตร์ (ผู้หญิงสถานะโสด) ว่าทำไมครูยังไม่แต่งงาน (ที่จริงก็แอบซุปซิบกันว่าครูคนนี้คบกับครูอีกท่านหนึ่งอยู่) ครูตอบว่า “แต่งทำไม มีแต่แฟนนี่ดีที่สุดแล้ว…” ครูพูดไปยิ้มไปอธิบายทำนองว่า ภาวะเป็นแฟน เราจะงอนเขาก็ง้อ อยากได้อะไรเขาก็จะตามใจ ยิ่งตอนมาจีบ ได้ทุกอย่าง ครูพูดเหมือนติดตลกว่า “ไม่แต่งหรอกมีแฟนไปเรื่อย ๆ ดีกว่า” เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ก็คล้อยตามถึงข้อดีรวมถึงผม ทั้งที่ในเวลานั้นเราล้วนไม่มีประสบการณ์อะไรเรื่องเหล่านี้กันมากนัก

ยากจะปฏิเสธว่านี่คือช่วงที่ดีที่สุดของการคบกัน อาจสรุปไม่ได้ทางภาษาว่าช่วง “เป็นแฟน” เพราะเราใช้คำว่า “แฟน” ได้ในทุกสถานะ แต่คงเข้าใจไม่ยากว่าคือช่วง “ใหม่ ๆ” ซึ่งก็ตัดสินไม่ได้อีกต่างหากว่า “ยังใหม่” ใช้เวลานานเท่าใด บางคู่ เพียงเดือนเดียว บางคู่เป็นปี อยู่ที่การใช้เวลา การมีระยะต่อกัน และนิสัยใจคอของแต่ละฝ่าย



ผู้ตั้งกระทู้ mii (lelemimi888-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2023-09-26 08:32:55


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.